อุตสาหกรรมการดูแลส่วนบุคคลจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายในปี 2026 โดยเน้นที่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลและส่งเสริมคุณค่าทางจริยธรรม ตั้งแต่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไปจนถึงการทลายข้อห้ามในการดูแลช่วงมีประจำเดือน อนาคตของการดูแลส่วนบุคคลจะมุ่งเน้นไปที่ความครอบคลุม เทคโนโลยี และความยั่งยืน บทความนี้จะเจาะลึกถึงแนวโน้มสำคัญที่จะกำหนดภูมิทัศน์ของการดูแลส่วนบุคคลใหม่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สารบัญ
Ai-giene: การเพิ่มขึ้นของการดูแลส่วนบุคคลอย่างชาญฉลาด
เห็นสีแดง: ทำลายข้อห้ามในการดูแลประจำเดือน
คำถามเก่าแก่: การตอบสนองความต้องการข้ามรุ่น
Ai-giene: การเติบโตของการดูแลส่วนบุคคลอย่างชาญฉลาด
ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังปฏิวัติแนวทางการดูแลส่วนบุคคลของเรา แบรนด์ต่างๆ กำลังใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์เฉพาะบุคคลและปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ ทำให้กิจวัตรประจำวันมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น แปรงสีฟันไฟฟ้า Genius X ของ Oral-B ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อเรียนรู้รูปแบบการแปรงฟันของผู้ใช้และให้ข้อเสนอแนะแบบเรียลไทม์ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในทำนองเดียวกัน Flaus ซึ่งเป็นเครื่องขัดฟันไฟฟ้าเครื่องแรกของโลก ใช้การสั่นสะเทือนแบบโซนิคในการนวดเหงือกอย่างอ่อนโยน และลดการใช้ไหมขัดฟันลงได้ถึง 95% ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาการใช้ไหมขัดฟันที่มักใช้เวลานานเกินไปและยากเกินไป
เห็นสีแดง: ทำลายข้อห้ามในการดูแลประจำเดือน
การดูแลในช่วงมีประจำเดือนกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยแบรนด์ต่าง ๆ ต่างก็ดำเนินการอย่างกล้าหาญเพื่อจัดการกับอคติและส่งเสริมความครอบคลุม ในญี่ปุ่น ซึ่งการพูดคุยเกี่ยวกับช่วงมีประจำเดือนมักถูกมองว่าน่าอาย แคมเปญ #NoBagForMe ของ Unicharm มุ่งหวังที่จะลดความอับอายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับช่วงมีประจำเดือน ในสหรัฐอเมริกา Kotex ร่วมมือกับ Ogilvy เพื่อสร้าง Period Planet ซึ่งเป็นโลกของวิดีโอเกมที่ให้ความรู้แก่ผู้เล่นเกี่ยวกับข้อมูลที่ผิด ๆ และอคติเกี่ยวกับการมีประจำเดือน

นอกจากนี้ ความพยายามที่จะแก้ปัญหาความยากจนในช่วงมีประจำเดือนก็ได้รับแรงผลักดันมากขึ้น โดยแบรนด์ต่างๆ เช่น Lidl มอบผลิตภัณฑ์ในช่วงมีประจำเดือนฟรีให้กับผู้ที่ต้องการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมในการทำให้การดูแลในช่วงมีประจำเดือนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
คำถามเก่าแก่: การตอบสนองความต้องการข้ามรุ่น
การดูแลส่วนบุคคลไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มอายุใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป แต่ได้นำแนวทางที่ไม่แบ่งตามวัยมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกคน ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความกังวลของผู้คนหลายรุ่น ทำให้การดูแลส่วนบุคคลครอบคลุมและเข้าถึงได้มากขึ้น
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เป็นปัญหาที่มักถูกมองข้ามและส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลกไม่ว่าจะมีอายุเท่าใด แบรนด์ต่างๆ เช่น Cora และ Jude กำลังดึงความสนใจไปที่ปัญหานี้ด้วยผลิตภัณฑ์ เช่น Free-to-Move Bladder Liners และ Bladder Strength Supplements ซึ่งนำเสนอวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและรอบคอบ ส่งเสริมความมั่นใจและความสบาย

นอกจากนี้ การดูแลส่วนบุคคลยังขยายขอบเขตให้ครอบคลุมถึงช่วงชีวิตที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น Luna Daily พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับช่วงตั้งครรภ์ หลังคลอด และวัยหมดประจำเดือน เช่น The Everywhere Spray-to-Wipe ซึ่งเปลี่ยนกระดาษทิชชู่ใดๆ ก็ได้ให้เป็นผ้าเช็ดทำความสะอาดที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้ในแต่ละช่วงชีวิตจะรู้สึกสดชื่นและถูกสุขอนามัย
เมื่อคนรุ่น Gen Alpha เริ่มหันมาสนใจการดูแลตนเอง แบรนด์ต่างๆ ก็มีโอกาสที่จะสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จนเป็นผู้ใหญ่ ผลิตภัณฑ์เช่นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย Miles ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นและวัยก่อนวัยรุ่นโดยไม่เน้นย้ำถึงเรื่องเพศแบบดั้งเดิม ส่งเสริมให้เกิดการรวมกันเป็นหนึ่งและความเป็นปัจเจกบุคคล
สรุป:
อนาคตของการดูแลส่วนบุคคลในปี 2026 มีแนวโน้มว่าจะเป็นภูมิทัศน์ที่นวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI การมีส่วนร่วม และความยั่งยืนเป็นแนวหน้า แบรนด์ต่างๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการตอบสนองความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จัดการกับข้อห้ามทางสังคมและปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคใหม่นี้ เป็นที่ชัดเจนว่าการดูแลส่วนบุคคลจะยังคงพัฒนาต่อไป โดยนำเทคโนโลยีและค่านิยมทางจริยธรรมมาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค